วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

เทคนิคในการป้อนยาเม็ดแก่แมวของคุณ

การให้ยาเม็ดแก่แมวนั้นก็เหมือนกับการให้ยากับเด็กเล็ก  แมวของคุณนั้นคงจะไม่อยากที่จะกลืนยาเม็ดก้อนหนาลงไปในคอของมันอย่างแน่นอน หากคุณพยายามที่จะป้อนยาเม็ดลงไปในปากของแมว แน่นอนว่ามันก็จะพยายามขัดขืนแล้วเอายาออกด้วยการใช้เล็บและปากของมัน มันเป็นเรื่องที่ยากในการที่จะให้แมวกินอะไรในรูปของของแข็ง ดังนั้นมันก็เป็นธรรมชาติที่แมวจะไม่ชอบยาเม็ดแข็งๆนั้น แต่ทว่ามันสามารถกลืนทุกสิ่งทุกอย่างในรูปของของเหลวได้อย่างง่ายดาย

ทางที่ดีที่สุดในการที่จะให้แมวกินยาเม็ดนั่นก็คือการบดยานั้นให้เป็นผงเสียก่อน จากนั้นก็ให้ผสมผงยาเข้ากับอาหารที่อยู่ในรูปของเหลว ซึ่งอาจจะเป็น อาหารบดหรือน้ำเปล่า ในปริมาณที่มากกว่าปกติแล้วก็ป้อนให้แมวของคุณ ลองนึกดูว่าหากคุณยังยัดเยียดให้มันกินยาเม็ดมันย่อมขัดขืนอย่างแน่นอน แต่เมื่อคุณผสมให้อยู่ในรูปของเหลวแล้ว มันก็แทบจะไม่กลัวเลยว่ามันกำลังกินยา แต่คุณต้องแน่ใจว่า ปริมาณอาหารหรือน้ำที่คุณใส่ไปนั้นมีมากพอ เพราะบางครั้งหากเราใส่ในปริมาณที่น้อยเกินไปจะทำให้แมวของคุณรู้สึกว่ารสชาติมันเปรี้ยวหรือแปลกเกินไป

อีกทางหนึ่งในการป้อนยาไปในปากของแมวก็คือการใช้ปืนสำหรับยิงยา ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้วิธีการใช้จากสัตว์แพทย์และคุณจะต้องมั่นใจว่าคุณสามารถใช้มันได้อย่างชำนาญและแม่นยำ คุณจะต้องถือปืนในทิศทางที่ถูกต้องและจากนั้นก็ยิงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด คุณจะต้องมั่นใจอีกเช่นกันว่าคุณจะไม่ยิงพลาดหรือยิงมันในทิศทางที่ผิด เพราะมันก็จะคายออกมาได้

แน่นอนว่าพวกเราส่วนใหญ่นั้นคงไม่ถนัดในการยิงปืน เพราะฉะนั้นมันจะดีกว่าหากเราหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเช่นนั้น ยังมีอีกวิธีหนึ่งคือการใช้มือของคุณปล่อยเม็ดยาลงไปในปากแมว คุณจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการใช้วิธีนี้

คุณจะต้องค่อยๆเปิดปากของแมวออกอย่างช้าๆและนุ่มนวลเพื่อให้แมวของคุณไม่รู้สึกเจ็บ จากนั้นก็ปล่อยเม็ดยาลงไป แต่คุณจะต้องมั่นใจว่าคุณปล่อยยาลงไปด้านหลังของช่องคอ เพราะถ้าคุณปล่อยไปอีกด้านแล้ว แมวของคุณอาจจะหายใจไม่ออกหรือบางทีมันอาจจะใช้ฟันของมันช่วยในการคายเม็ดยาออกมา ซึ่งบางครั้งการกระทำเช่นนี้จะทำให้เกิดความบาดเจ็บแก่แมวของคุณ เพราะฉะนั้นแล้วมันเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากที่จะต้องระมัดระวังในขณะที่คุณกำลังใช้เทคนิคนี้ในการให้ยาแก่แมว

ยังมีอีกหลายทางในการที่จะให้แมวของคุณนั้นกินยาเม็ดเข้าไป แต่ถ้าคุณยังไม่เจอทางที่ดีที่สุดในการที่จะให้แมวของคุณกินยาแล้ว คุณควรที่จะไปหายาที่เป็นของเหลวหรือเจล เพื่อให้แมวของคุณสามารถทานยาเข้าไปได้ แต่เพราะว่ายาเหล่านี้นั้นมีราคาค่อนข้างแพง ดังนั้นมันก็จะดีกว่าหากคุณสามารถเรียนรู้วิธีดังกล่าวข้างต้นและทำให้แมวของคุณกินยาเม็ดได้

พยายามหยอดยาเม็ดลงให้เตรงกลางคอ ให้คอตั้งฉากนิด เพื่อที่มันจะกลืนได้ง่าย
และไม่คายออกมาอีก ที่บ้านใช้เทคนิคนี้อยู่ค่ะ




วางแผนก่อนที่จะซื้อแมวมาเลี้ยง

การวางแผนเป็นสิ่งที่จำเป็นมากเมื่อคุณจะไปซื้อแมวมาเลี้ยง ซึ่งคุณจะต้องได้เตรียมความพร้อมที่จะดูแลแมว หรือนำแมวเข้าบ้าน เพราะบางคนอาจจะกลัวการนำแมวมาบ้านแม้ว่าคุณอยากจะซื้อมันก็ตาม เพราะอาจมีสมาชิกในบ้านหลายๆ คนที่ไม่ชอบแมวเอาเสียเลย ดังนั้นควรต้องวางแผนก่อนนำมาเลี้ยงให้ดีอาหารและการดูแลนั้นจะต้องถูกเตรียมไว้อย่างดีหากคุณจะเลี้ยงแมวและคุณจะต้องไม่ปล่อยให้มันอยู่เพียงลำพัง ถ้าหากมันถูกปล่อยทิ้งไว้และไม่มีอาหารสำหรับมันแล้ว มันก็จะพยายามค้นหาอาหารด้วยตัวมันเอง ซึ่งอาจจะช่วยให้มันรู้จักพึ่งตนเอง แต่นี่ไม่ใช่วิธีการฝึกที่ดีเลย

เราต้องการเงินเพื่อที่จะซื้อสิ่งต่างๆที่เราต้องการ แต่เพราะแมวคือสิ่งมีชีวิต เราจึงอาจจะต้องใช้เงินจำนวนมากพอสมควร กับมัน และเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณจะต้องแบ่งสัดส่วนเงินให้ดีก่อนที่จะซื้อของต่างๆ ถ้าคุณต้องการที่จะเห็นครอบครัวของคุณมีความสุข  คุณก็จะต้องหลีกเลี่ยงการใช้ของที่หรูหราและฟุ่มเฟือย

มันเป็นเรื่องที่จำเป็นเช่นกันที่คุณจะต้องดูแลแมวของคุณให้ดี พยายามที่จะเลี้ยงมันไว้ในที่ที่ดีและปลอดภัย อย่าปล่อยให้มันอยู่ในที่ที่อาจเกิดอุบัติเหตุต่างๆได้บ่อยครั้ง ต้องมั่นใจอีกด้วยว่าไม่มีวัตถุที่อันตรายหรือเป็นพิษตั้งอยู่ใกล้ๆกับแมวของคุณ ที่สำคัญคุณจะต้องปฏิบัติต่อมันเหมือนกับสมาชิกในบ้านของคุณ และจะต้องรอบคอบอยู่เสมอในการที่จะเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงของคุณ

มีอีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องปฏิบัติคือการดูแลบ้านของคุณให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เก็บถังขยะและเศษวัสดุต่างๆให้ไกลจากแมวของคุณ บางครั้งมันอาจจะเป็นอันตรายต่อแมวของคุณ เพราะแมวนั้นเป็นสัตว์ที่มีสัญชาติญาณในการดมกลิ่นค่อนข้างดี ดังนั้นมันจะดีกว่าหากคุณเก็บสิ่งต่างๆที่อาจเป็นอันตรายไว้ให้ไกลจากแมวของคุณ เพราะบางครั้งมันอาจจะซ่อนตัวอยู่ในที่ที่สกปรกหรือมีกลิ่นเหม็นก็เป็นได้

เมื่อคุณจะพามันไปหาหมอ คุณควรที่จะเสาะหาสัตวแพทย์ที่ดีและเป็นมืออาชีพมารักษาแมวของคุณ มันเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องไม่เปลี่ยนหมอบ่อยๆ สัตวแพทย์ควรจะมีความรู้เกี่ยวกับการรักษาแมวเป็นอย่างดี ให้คุณสังเกตพฤติกรรมของแมวของคุณอยู่เสมอและดูว่าแมวของคุณมีอะไรที่ผิดปกติ จงอย่าขี้เกียจที่จะเรียกสัตวแพทย์มาและถามคำแนะนำเพื่อที่จะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาที่เกิดกับแมวของคุณ

ถ้าคุณต้องการให้แมวที่คุณซื้อมามีชีวิตที่ยืนยาว มันเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณจะต้องดูแลแมวของคุณเป็นอย่างดี และจะต้องให้ความสนใจกับการดูแลแมวของคุณ  ให้ปฏิบัติต่อมันเหมือนกับว่ามันเป็นสมาชิกในครอบครัวของคุณ อย่าปฏิบัติต่อมันราวกับมันเป็นคนแปลกหน้าและอย่าใช้ความรุนแรงกับมัน

การที่จะเลี้ยงแมวนั้นถือเป็นความคิดที่ดี แต่มันจำเป็นมากที่คุณจะต้องเป็นเจ้าของที่ปฏิบัติต่อมันอย่างดี ดูแลมันและทำให้มันรู้สึกเหมือนเป็นสมาชิกในบ้าน แมวไม่ใช่สิ่งไม่มีชีวิตที่คุณจะใช้มันแล้วก็ทิ้ง ขอให้คุณมั่นใจจริงๆก่อนที่จะซื้อแมว เพราะมันเป็นเรื่องที่แย่มาก กับการที่คุณจะต้องนำแมวที่คุณซื้อมาไปเลี้ยงแบบทิ้งๆ ขว้างๆ หรือไปปล่อยทิ้ง เพื่อให้เป็นภาระแก่บุคคลอื่นๆ และมันก็สำคัญมากที่คุณจะต้องรู้ว่าคุณเองมีความรับผิดชอบมากพอที่จะดูแลแมวของคุณหรือไม่

พิจารณาก่อนการเลี้ยงแมวของคุณ

ทุกวันนี้มันกลายเป็นกระแสแล้วกับการที่จะเลี้ยงแมวเองที่บ้าน จากการวิจัยพบว่าประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีผู้คนเลี้ยงแมวมากที่สุด บางคนบอกว่ามันเป็นเรื่องง่ายอย่างมากในการที่จะเลี้ยงแมว แต่สำหรับหลายๆคนแล้วมันไม่เลย มันเรื่องที่สำคัญมากที่จะต้องรอบคอบเป็นอย่างมากในการเลี้ยงแมว ถ้าคุณกำลังวางแผนที่จะซื้อแมว คุณจะต้องให้ความสนใจแก่มันเป็นอย่างมาก และต้องมีเวลาว่างมากพอที่จะแบ่งให้กับแมวของคุณ

ก่อนที่คุณจะรับแมวมาเลี้ยง คุณจะต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมของบ้านคุณด้วย ถ้าบ้านของคุณเล็กและคุณไม่สามารถจัดหาพื้นที่ว่างให้กับแมวได้เพียงพอ ก็ขอให้เลิกล้มความคิดที่จะซื้อแมวไปได้เลย แมวต้องการพื้นที่ค่อนข้างมากเพื่อที่ว่ามันจะได้ตระเวนได้อย่างอิสระและสบายใจโดยไม่มีอะไรขัดขวาง โดยทั่วไปแล้วมันเป็นเรื่องยากมากที่จะขังแมวของคุณไว้ที่บ้านแล้วออกไปที่อื่น เพราะมันจะรู้สึกอึดอัดในบ้านที่ถูกล็อคไว้ มันต้องการพื้นที่ว่างและความเป็นอิสระในบรรยากาศโล่งๆ


การเลี้ยงแมวไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว คุณจะต้องทำอะไรหลายๆอย่างเพื่อแมวของคุณและในบางสถานการณ์คุณจะต้องมีความรับผิดชอบกับมันอย่างมาก ก่อนที่จะวางแผนในการซื้อแมว มันเป็นเรื่องสำคัญมากในการสำรวจสภาพแวดล้อมของบ้านคุณและคุณจะต้องแน่ใจด้วยว่าสมาชิกในครอบครัวของคุณนั้นเห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณที่จะเลี้ยงแมว

มันเป็นเรื่องที่สำคัญอีกเช่นกันในการที่จะศึกษาเกี่ยวกับแมวมาก่อน ในกรณีที่แมวของคุณเกิดตั้งท้องขึ้นมา คุณอาจจะต้องทำคลอดให้แก่มัน คุณจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับการตัดสายสะดือและนำลูกแมวเกิดใหม่ออกมา ในกรณีนี้คุณต้องมีความระมัดระวังในการเลี้ยงดูแม่แมวและลูกแมวที่เพิ่งเกิด คุณควรที่จะให้แมวของคุณได้รับอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และจะต้องระวังในการให้อาหารแก่แมวทั้งสองอีกด้วย มันเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่จะควบคุมสถานการณ์แบบนี้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด ในกรณีที่มีแมวเกิดใหม่เช่นนี้ มันสำคัญมากที่จะระมัดระวังในเรื่องพวกนี้ให้ดี

สุดท้ายก็คือคุณจะต้องพร้อมที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆเมื่อคุณจะเลี้ยงแมว คุณอาจจะต้องพบกับรายจ่ายที่มากขึ้นอย่างมหาศาล ไม่เพียงแค่ค่าอาหารเท่านั้น แต่คุณจะต้องจ่ายค่าสัตวแพทย์ ค่าใช้จ่ายระหว่างที่มันตั้งท้องเช่น ค่ายา หรือค่าวัคซีนต่างๆ ถึงแม้ว่าคุณอาจจะทำคลอดด้วยตัวคุณเอง แต่คุณก็ยังจำเป็นที่จะต้องนำแมวของคุณไปตรวจกับสัตวแพทย์

มันมีเรื่องจุกจิกอีกมากมายที่คุณจะต้องพบเจอ ซึ่งคุณจะต้องมีความรู้เป็นอย่างดีและมีความสามารถในการดูแลแมวของคุณให้ดีที่สุด

การเลือกแมว

แมวเปอร์เซียที่ตรงตามมาตรฐานของ CFA จะมีลักษณะโครงสร้างของใบหน้าและกระโหลกที่กลม มีจุด Brake หรือที่เรียกว่า Stop อยู่กึ่งกลางใบหน้า และตรงกับระดับกึ่งกลางดวงตาพอดี ใบหูเล็กตั้งอยู่ห่างกัน ฐานหูด้านในจะยู่ประมาณแนวเดียวกับหางตาพอดี ดวงตากลมโต ห่างกันพอสมควร ถ้าจะให้ประมาณความห่างระหว่างดวงตา จะประมาณ1.5 ของความกว้างดวงตา ตาไม่เหล่ไม่เข จมูกสั้น ดูโดยรวมแล้วต้องหน้าหวาน ไม่ใช่น่ากลัว รูปร่างของแมวเปอร์เซียก็คือตัวสั้นกลม ดูแล้วตัวกลมๆ ฟูๆ หางไม่สั้นไม่ยาว วัดเมื่อทบหางกลับมาได้ที่หัวไหล่พอดี

อาหารและการเลี้ยงดู

           อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่า แมวเปอร์เซียเป็นแมวสายพันธุ์ต่างประเทศ ค่าเลี้ยงดูและค่าตัวอาจแพงสักหน่อย ทั้งนี้ ราคาของแมวเปอร์เซีย มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน ขึ้นกับเกรดของสายพันธุ์ สามารถแบ่งได้เป็น

           เกรดเพ็ด(PET Quality) ส่วนมากเป็นแมวที่เลี้ยงตามบ้านทั่วไป ราคาประมาณ 5,000-15,000 บาท จมูกยาว หน้าไม่บี้ หรือเรียกว่าหน้าตุ๊กตา

           เกรดทำพันธุ์และโชว์(Breed and Show Quality) ส่วนมากเป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ เลี้ยงไว้เพื่อประกวด หรือโชว์ มีลักษณะของแมวเปอร์เซียที่ดีครบ โดยหน้าจะบี้ คือ จมูกและตาเกือบเสมอกัน

           นอกจากนี้ ระดับของราคายังแบ่งเป็นสายพันธุ์ในประเทศอยู่ที่ 25,000-35,000 บาท สายพันธุ์นำเข้า 35,000-100,000 บาท หรือมากกว่านั้น ขึ้นกับสุขภาพของแมว และลักษณะเด่นตามสายพันธุ์

           เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงแมวพันธุ์นี้แล้ว จงพึงระลึกไว้เสมอว่า การดูแลขนของแมวเปอร์เซียเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ผู้เลี้ยงต้องหมั่นทำความสะอาดถึงการแปลงและสางขนแมวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันการเกิดขนพันกัน เพราะการที่ขนพันกันเป็นกระจุกนั้นจะเป็นแหล่งเพาะเชื่อโรครวมทั้งพยาธิต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคผิวหนังอักเสบและเป็นที่อยู่ของเห็บหมัดอีกด้วย


           ในเรื่องของอาหารการกินนั้น ควรเลือกอาหารที่ช่วยให้ทางเดินอาหารของแมวไม่อุดตัน เนื่องจากแมวเปอร์เซียจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเลียทำความสะอาดขน อันเป็นสาเหตุในการกินหรือกลืนเส้นขนเข้าไปเป็นจำนวนมาก หากเส้นขนจะไปรวมตัวกันในช่องท้องจะทำให้แมวเปอร์เซียสำรอกหรือเกิดปัญหาของระบบย่อยอาหารได้

โรคและวิธีการป้องกัน

โรคที่พบบ่อยในแมวเปอร์เซียนั้นส่วนใหญ่จะเป็นโรคที่เกิดขึ้นและถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคหายใจขัด หอบ หรือ ท่อน้ำตาอุดตัน เป็นต้น นอกจากนี้ แมวเปอร์เซียที่มีสีขาวรวมถึงแมวเปอร์เซียที่มีตาสีฟ้าหรือตาข้างละสีมักมีความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด คือ หูหนวก อีกด้วย

           อย่างไรก็ตาม โรคท่อน้ำตาอุดตัน และปัญหาคราบน้ำตา เป็นปัญหาที่พบบ่อยและถูกถามถึงมากที่สุด อาการที่พบ คือ มีน้ำตา ไหลในตาข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้าง ไม่มีอาการหรี่ตา น้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาใสๆ ร่วมกับมีคราบติดบริเวณร่องจมูก ซึ่งโรคนี้เป็นโรคทางพันธุกรรม เกิดจากการสะสมของแบคทีเรียในท่อน้ำตา เนื่องจากท่อน้ำตาและโพรงจมูกของแมวเปอร์เซียคดไปคดมา   

         เมื่อเจ้าเหมียวของคุณประสบปัญหานี้เข้า การแก้ปัญหาเบื้องต้น ผู้เลี้ยงอาจใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเคอยเช็ดคราบน้ำตาเป็นประจำ เพราะหากปล่อยไว้จนแห้ง อาจเช็ดไม่ออก หมดสวยหมดหล่อไม่รู้ด้วยนะคะ

           แต่ถ้าหากมีคราบน้ำตามเยอะและข้นกว่าปกติ อาจต้องใช้ยาป้ายตาร่วมกับการเช็ดคราบน้ำตา หรืออาจพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อล้างท่อน้ำตา และทำการรักษาต่อไป

ลักษณะสายพันธุ์

  แมวเปอร์เซีย เป็นแมวที่มีขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีกระดูกที่ใหญ่และแข็งแรง หัวและหน้ากลม หน้าผากโหนก แก้มเต็ม ดวงตากลมโต และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน มีจมูกที่หัก กล่าวคือ สังเกตได้ชัดเจนเมื่อมองจากด้านข้างจะเห็นจุดหักระหว่างจมูกกับหน้าผากชัดเจน เมื่อมองจากด้านหน้าจะเห็นเป็นขีดอยู่ระหว่างดวงตา


           สำหรับแมวเปอร์เซียที่มีลักษณะตรงตามมาตรฐานสายพันธุ์ ควรจะมีจมูกอยู่ในระดับเดียวกับตา โครงสร้างลำตัวสั้น ขาสั้นเตี้ย หูเล็กมีปลายหูที่กลมมน และอยู่ในตำแหน่งที่ห่างกัน หางสั้นและตรง ไม่มีรอยหัก ขนยาวฟู มีท่วงท่าการเดินดูสง่างาม ทั้งนี้ แมวเปอร์เซียในสมัยแรกๆ มีรูปร่างหน้าตาที่ต่างจากแมวเปอร์เซียในปัจจุบันมากทีเดียว ปัจจุบันมันถูกพัฒนาให้มีรูปร่างที่สั้นขึ้น ขนยาวขึ้น ถูกเปลี่ยนแปลงโครงร่างให้ใหญ่และกลม จมูกสั้นและหักมากขึ้น


           อย่างไรก็ตาม แมวเปอร์เซียถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด โดยแบ่งตามสี และลักษณะเป็นหลัก ดังนี้
            1.Solid colour  ขนจะเป็นสีเดียวตลอดตัว ไม่ควรมีสีอื่นแซมเลย สีจะต้องเสมอกันตลอด เช่น white ขนสีขาวบริสุทธิ์, blue ขนสีเทาเข้ม, black สีขนดำสนิท, red ขนสีแดงเข้มและสดใส, cream ขนสีครีมเข้ม, chocolate ขนสีน้ำตาสช็อกโกแลต, lilac ขนสีลาเวนเดอร์


  2.Sliver&Golden ตาจะเป็นสีเขียวหรือสีเขียวอมน้ำเงินเท่านั้น


  3.Shade&Smoke จะมีสีขน 3 แบบ คือแบบ Shell จะมีสีที่ปลายขนเพียงเล็กน้อย แบบ Shade จะมีส่วนที่เป็นสีมากกว่า และแบบ Smoke จะมีสีมากกว่าแบบ Shade

  4.Tabby จะมีลวดลายที่เป็นที่ยอมรับอยู่ 2 แบบ คือ Classic และ Mackerel



                    
           5.Parti-colour จะเกิดขึ้นเฉพาะเพศเมียเท่านั้น อันสืบเนื่องมาจากการสืบทอดทางโครโมโซม





           6.Calico & Bi-Color สีทั่วไปตาจะเป็นสีทองแดง ถ้าเป็นตาสองสีตาข้างหนึ่งจะเป็นสีฟ้า อีกข้างเป็นสีทองแดง ความเข้มของสีตาทั้งสองข้างเท่าๆ กัน



           7.Himalayan เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวไทยวิเชียรมาสกับแมวเปอร์เซีย จะมีลักษณะแต้มสีตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาส คือหูทั้งสองข้าง ที่หน้าครอบเหมือนหน้ากาก ขาทั้งสี่ ตาสีฟ้าสดใส

ประวัติความเป็นมาของแมวเปอร์เซีย

เป็นที่สันนิษฐานกันว่า ระหว่างการเดินทางของพ่อค้าทะเลทรายแถบเปอร์เซียและอิหร่านไปทางตะวันตกนั้น นอกจากจะมีการบรรทุกสินค้าพวกเครื่องเทศและอัญมณีหายากไว้บนหลังอูฐแล้ว บางครั้งยังมีการขนสิ่งล้ำค่ายิ่งกว่านั้นนั่นก็คือ แมวขนยาว ที่เราเรียกกันว่า แมวเปอร์เซียตามแหล่งกำเนิดของมัน แต่เอกสารฮีโรกลิฟฟิคในปี 1684 ก่อนคริสตกาลนั้นได้ปกปิดความหมายที่แท้จริงของมันไว้ แมวเปอร์เซียซึ่งมีขนยาวปกคลุมตัวและมีหน้าคล้ายดอกแพนซีเป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในขณะนี้ เมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีแล้ว ความเชื่อง ความอ่อนน้อม และลักษณะนิสัยของมันจะทำให้มันปรับตัวเข้ากับทุกคนเป็นอย่างดี โดยธรรมชาติแล้วมันชอบบรรยากาศที่เงียบสงบและปลอดภัย แต่มันก็สามารถอยู่ในสภาพที่วุ่นวายได้หากได้รับความรักและการดูแลอย่างดี มันมีเสียงที่เงียบเบาและไพเราะไม่เป็นที่น่ารำคาญ มันมักจะใช้สายตาดวงโตของมันในการสื่อความรู้สึกและยังทำให้มันเป็นสัตว์ที่มีเสน่ห์เป็นอย่างมาก แมวเปอร์เซียนั้นมีขาที่สั้นซึ่งเหมาะกับลำตัวกว้างสั้นของมัน  มันชอบที่จะยืนทิ้งน้ำหนักลงบนขาของมันซึ่งไม่ได้ออกแบบมาเพื่อการกระโดดสูงหรือปีนป่ายแต่อย่างใด 
 ด้วยความที่เป็นสัตว์ที่ขี้เล่นและไม่ค่อยจะเรื่องมาก มันชอบที่จะโพสต์ท่าต่างๆและเกาะอยู่ตามหน้าต่างหรือเก้าอี้ ทำให้มันกลายเป็นเหมือนเครื่องตกแต่งราวกับภาพวาดอันล้ำค่าเลยทีเดียว แมวเปอร์เซียเป็นแมวที่มีการตอบสนองต่างๆ ดีเยี่ยมและกลายเป็นบ่อเกิดความสนุกแก่ผู้เลี้ยง  อีกทั้งความเป็นมิตรของมันจะทำให้ผู้เลี้ยงเพลิดเพลินใจ
ขนยาวปกคลุมตัวของมันนั้นต้องการสภาพแวดล้อมที่อยู่ในร่มและมีการป้องกันอันตรายอย่างดี การดูแลที่ดีจะต้องมีการหวีขนอยู่เสมอๆเพื่อกำจัดปัญหาขนยุ่งและปัญหาการเกิด hairball คุณควรจะอาบน้ำให้มันเป็นครั้งคราว โดยจะต้องทำเมื่อหวีขนและตัดเล็บปลายเท้าเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้ขนของมันสะอาด ดูมีสุขภาพดี และสวยงาม  มันจะเป็นเรื่องดีมากหากคุณอาบน้ำให้มันเป็นประจำเมื่อครั้งมันยังเยาว์วัย ในขณะที่แมวเปอร์เซียสีขาวนั้นเป็นที่รักของช่างภาพและนักโฆษณา ยังมีแมวเปอร์เซียสีอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็น เจ็ดหมวดหมู่ดังนี้

การเลี้ยงแมวเปอร์เซียไว้ในร่มนั้นยังเป็นการปกป้องมันจากโรคติดต่อ และพยาธิต่างๆ เช่นเดียวกับความอันตรายจากชีวิตที่ยุ่งเหยิงในเมือง ด้วยการตรวจโรคประจำปีกับสัตวแพทย์ที่คุณไว้ใจ บำรุงด้วยอาหารที่ดี รวมทั้งการดูแลที่เหมาะสม จะทำให้มันสามารถอยู่กับคุณเหมือนเป็นสมาชิกในบ้านได้อย่างน้อยๆ 15 ปี หรือบางครั้งก็อาจจะถึง 20 เลยก็เป็นได้ ผู้เลี้ยงแมวเปอร์เซียนั้นจะต้องอุทิศตนเพื่อการที่จะทำให้แมวของตนนั้นมีสุขภาพดี และจะต้องพามันไปตรวจสุขภาพกับสัตวแพทย์เพื่อทดสอบการติดโรคต่างๆอยู่อย่างสม่ำเสมอ แมวที่ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจะมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง และไม่มีแนวโน้มว่าจะเจ็บป่วยหรือมีการติดเชื้อในระบบต่างๆในร่างกาย อย่างไรก็ตาม ด้วยดวงตาดวงใหญ่ของมันหมายถึงว่าการที่มันมีน้ำตาออกมาบ้างก็ถือเป็นเรื่องปกติ และการล้างหน้าให้มันทุกวันคือคำแนะนำของสัตวแพทย์